(บุญรอด เศรษฐบุตร) ผู้ก่อตั้งบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จํากัด ที่ให้ความสำคัญต่องานด้านอาสาสมัคร
มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ส่งต่อปณิธานถึงคณะผู้บริหารรุ่นต่อๆ มา ได้ดำเนินงานด้านอาสาสมัครอย่างต่อเนื่อง
ช่วยเหลือและพัฒนาสังคมในด้านต่างๆ จนนำมาสู่การก่อตั้งมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี
และเป็นจุดเริ่มต้นของ “สิงห์อาสา” ในปี 2554 ซึ่งเป็นเครือข่ายอาสาสมัครดูแลสังคมที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
(บุญรอด เศรษฐบุตร)
ผู้ก่อตั้งบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จํากัด
ที่ให้ความสำคัญต่องานด้านอาสาสมัคร
มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม
ส่งต่อปณิธานถึงคณะผู้บริหารรุ่นต่อๆ มา ได้ดำเนินงานด้านอาสาสมัครอย่างต่อเนื่อง
ช่วยเหลือและพัฒนาสังคมในด้านต่างๆ
จนนำมาสู่การก่อตั้งมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี
และเป็นจุดเริ่มต้นของ “สิงห์อาสา” ในปี 2554 ซึ่งเป็นเครือข่ายอาสาสมัครดูแลสังคมที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
Changing the world
by our own hands.
ริเริ่มโครงการนักดับเพลิงอาสาสมัครรวบรวมจิตอาสาทั้งจากกลุ่ม
พนักงานและชาวบ้านนำเรือเมล์ที่มีอยู่ติดเครื่องสูบน้ำออกตระเวนดับ
เพลิงไหม้ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ เนื่องด้วยสมัยนั้นบ้านเรือนในเมืองไทยยังใช้การสัญจรทางน้ำ
เป็นหลัก ถนนหนทางยังไม่มี ทำให้การเดินทางต่างๆ เข้าไปยังบ้านเรือนในกรณีที่เกิด
เหตุอัคคีภัยล่าช้า และสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก ต่อมาในปี พ.ศ.2468 พระยาภิรมย์ภักดี ได้เริ่มมอบเงิน สนับสนุนให้แก่ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการบริการทางการแพทย์และ สุขภาพ อนามัยของไทย และยังคงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง มาจนถึงปัจจุบัน
หลังจากก่อตั้ง บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในปี 2476 ปณิธานและแนวคิดของพระยาภิรมย์ภักดี
ยังคงได้รับการสานต่ออย่างต่อเนื่อง ผ่านการช่วยเหลือสังคมในหลากหลายรูปแบบ จนกระทั่ง ปี พ.ศ.2518 คณะผู้บริหารบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในขณะนั้น ได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี
เพื่อสืบสานเจตนารมย์ของพระยาภิรมย์ภักดีในการดูแลสังคมให้คงอยู่ และสร้างจิตสำนึกของการ
มีส่วนร่วมดูแลรับผิดชอบสังคมให้อยู่คู่กับ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด
โดยมีการดำเนินงานหลากหลายกิจกรรมเพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาสังคม ทั้งด้านการศึกษาสุขภาพ อนุรักษ์
และพัฒนาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และการช่วยเหลือสังคม
เพราะเชื่อว่าศักยภาพของคนคือรากฐานที่สำคัญของสังคม การให้โอกาสทางการศึกษา
คือ เส้นทางสำคัญสู่การสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพอันเป็นอนาคตของชาติ” จึงได้มอบทุนการศึกษาให้แก่ นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ใน 22 สถาบัน
การศึกษาทั่วประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นทุนต่อเนื่อง 4 ปีจนจบการศึกษา เป็นทุนแบบให้เปล่า ไม่ต้องใช้ทุนคืน ตอกย้ำเจตนารมณ์แห่งการให้ ซึ่งเป็นรากฐานในการตอบแทนสังคม โดยมอบต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2525 จนถึงปัจจุบัน ภายใต้ “ทุนบุญรอด พัฒนานิสิต นักศึกษา”
ปัญหาด้านสาธารณสุข นับเป็นปัญหาสำคัญอย่างยิ่งของประชาชนในถิ่นทุรกันดาร โดยเฉพาะชาวบ้านบนดอย ในแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ขาดแคลน ทั้งโอกาสในการเข้าถึงการแพทย์และเครื่องนุ่งห่ม ที่เพียงพอต่อการเผชิญภัยหนาว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 จึงได้มีการจัดตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โดยมี นายแพทย์ อนันต์ สุวัฒนวิโรจน์ คุณหมอท่านแรกของ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้เริ่มไปให้การ รักษาพยาบาลกับชาวบ้านในพื้นที่ชนบทและขาดแคลนโดยเป็นการรักษาและให้ความรู้ด้านสุขอนามัย เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในจังหวัดเชียงรายและยังคงดำเนินกิจกรรมมาอย่าง ต่อเนื่องทุกปีปัจจุบันมีแพทย์จากโรงพยาบาลต่างๆ ที่สละเวลาเพื่อออกหน่วยแพทย์ เคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังมีการมอบผ้าห่มกันหนาวให้กับชาวบ้านที่ขาดแคลนปีละหลายหมื่น ผืนต่อยอดสู่การมอบเสื้อกันหนาวซึ่งมีประโยชน์มากกว่าในแง่ของการใช้ชีวิตประจำวัน บรรเทาภัยหนาวได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน
ด้วยความมุ่งหวังให้เด็กๆ ในพื้นที่ทุรกันดารมีความกินดีอยู่ดี มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี ได้จัดตั้ง “โครงการทุนอาหารกลางวันเพื่อโรงเรียนภาคเหนือ” เพื่อช่วยเหลือโรงเรียน ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และ อาหารกลางวัน ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดน่าน ปัจจุบันดำเนิน การมอบทุนอย่างต่อเนื่องมาแล้วถึง 37 ปี นอกเหนือจากนี้ความพิเศษ ของโครงการไม่ใช่แค่การมอบเงินก้อนหนึ่งให้โรงเรียน นำไปซื้ออาหารให้เด็กๆ เราได้ ขยายผลสู่การให้ที่ยั่งยืน ปรับใช้ร่วมกับโครงการ “100 โรงเรียนเกษตรพอเพียง” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้โรงเรียนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้วยการนำหลัก เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้จนสามารถสร้างโครงการอาหารกลางวันที่ยั่งยืนได้ ด้วยเงินเพียง 30,000 บาท
เครือข่ายนักศึกษา ถือเป็นกำลังสำคัญในการนำความช่วยเหลือ
ไปสู่พี่น้องผู้ประสบภัยในหลากหลายเหตุการณ์ทั่วประเทศ
สิงห์อาสาได้ปลูกจิตสำนึกให้กับเครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัย ต่างๆ ผ่านกิจกรรมช่วยเหลือสังคมเพื่อให้นักศึกษาเหล่านี้เป็น พลังนักศึกษาที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มที่ ปัจจุบันเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสามีสมาชิกจาก นิสิตและนักศึกษาครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยราชภัฏ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถาบันอาชีวศึกษา รวมกว่า 190 สถาบันทั่วประเทศ
เครือข่ายนักศึกษา ถือเป็นกำลังสำคัญในการนำความช่วยเหลือ
ไปสู่พี่น้องผู้ประสบภัยในหลากหลายเหตุการณ์ทั่วประเทศ
สิงห์อาสาได้ปลูกจิตสำนึกให้กับเครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัย ต่างๆ ผ่านกิจกรรมช่วยเหลือสังคมเพื่อให้นักศึกษาเหล่านี้เป็น พลังนักศึกษาที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มที่ ปัจจุบันเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสามีสมาชิกจาก นิสิตและนักศึกษาครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยราชภัฏ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถาบันอาชีวศึกษา รวมกว่า 190 สถาบันทั่วประเทศ
ในปี 2559 เครือข่ายสิงห์อาสาได้ขยายเครือข่ายสู่นักศึกษานานาชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เข้ามาศึกษาอยู่ในประเทศไทย โดยในแต่ ละปีจะมีจำนวนนักศึกษาจากหลายเชื้อชาติทั่วโลกเข้ามากว่า 3,000 คนต่อปี นอกจากนี้ยังมีจิตอาสาชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย หรือกลุ่ม Expat อีกกว่า 400 คนจาก 18 ประเทศ ซึ่งคนที่เข้าร่วม กิจกรรมสิงห์อาสาจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทย ผ่านการทำงานจิตอาสา เช่น การไปสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียน และชุมชนในถิ่นทุรกันดาร และเมื่อคน กลุ่มนี้กลับไปยังประเทศตนเองจะนำจิตอาสากลับไปพัฒนาบ้านเกิด และ สามารถประสานความร่วมมือกลับมายังสิงห์อาสา เพื่อนำความช่วยเหลือ จากประเทศไทยสู่ประเทศตัวเองได้อีกด้วย ตามแนวคิด “World Citizen” มองโลกทั้งใบเป็นโลกใบเดียวกันไม่แบ่งแยกพรมแดน
ปี พ.ศ.2554 เกิดมหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 70 ปี ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนกว่า 12.7 ล้านคนใน 65 จังหวัดทั่วประเทศ บ้านเรือนต่างๆ โรงงานอุตสาหกรรม พื้นที่เกษตรกรรม จมอยู่ใต้น้ำ เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของไทยเป็นอย่างมาก ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยไม่สามารถเข้าถึงอาหารและน้ำดื่ม
ในเวลานั้นเอง ทีมงานสิงห์อาสาได้นำน้ำดื่ม ข้าวสาร และอาหาร ปรุงสุกไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัย ทั้งผ่านการลงพื้นที่โดยตรง และการกระจายความช่วยเหลือ ผ่านเครือข่าย รวมถึงตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่ใน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ น้ำดื่มที่ผลิตได้ส่วนใหญ่ในขณะนั้น ได้รับการนำส่งไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
ผู้ประสบภัย มากกว่าส่งไปจำหน่ายตามปกติ พร้อมทั้งมีการจัดตั้งศูนย์ดูแลผู้อพยพ ทำให้ “สิงห์อาสา”
เป็นที่รู้จักของประชาชนในวงกว้าง
การลงพื้นที่ของทีมสิงห์อาสาครั้งดังกล่าวเกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ ของคุณสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ในขณะนั้นที่มอบภารกิจสำคัญ ให้ทีม “สิงห์อาสา” ภายใต้มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี ออกไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบ ภัยให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้โดยไม่ต้องห่วงยอดขาย ไม่ต้อง คิดถึงมูลค่าการช่วยเหลือสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ให้ทีมสิงห์อาสา “ไปนำรอยยิ้มของ ทุกคนกลับมา”
เครือข่ายนักศึกษา ถือเป็นกำลังสำคัญในการนำความช่วยเหลือ
ไปสู่พี่น้องผู้ประสบภัยในหลากหลายเหตุการณ์ทั่วประเทศ
สิงห์อาสาได้ปลูกจิตสำนึกให้กับเครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัย ต่างๆ ผ่านกิจกรรมช่วยเหลือสังคมเพื่อให้นักศึกษาเหล่านี้เป็น พลังนักศึกษาที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มที่ ปัจจุบันเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสามีสมาชิกจาก นิสิตและนักศึกษาครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยราชภัฏ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถาบันอาชีวศึกษา รวมกว่า 190 สถาบันทั่วประเทศ
เครือข่ายนักศึกษา ถือเป็นกำลังสำคัญในการนำความช่วยเหลือ
ไปสู่พี่น้องผู้ประสบภัยในหลากหลายเหตุการณ์ทั่วประเทศ
สิงห์อาสาได้ปลูกจิตสำนึกให้กับเครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัย ต่างๆ ผ่านกิจกรรมช่วยเหลือสังคมเพื่อให้นักศึกษาเหล่านี้เป็น พลังนักศึกษาที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มที่ ปัจจุบันเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสามีสมาชิกจาก นิสิตและนักศึกษาครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยราชภัฏ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถาบันอาชีวศึกษา รวมกว่า 190 สถาบันทั่วประเทศ
ในปี 2559 เครือข่ายสิงห์อาสาได้ขยายเครือข่ายสู่นักศึกษานานาชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เข้ามาศึกษาอยู่ในประเทศไทย โดยในแต่ ละปีจะมีจำนวนนักศึกษาจากหลายเชื้อชาติทั่วโลกเข้ามากว่า 3,000 คนต่อปี นอกจากนี้ยังมีจิตอาสาชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย หรือกลุ่ม Expat อีกกว่า 400 คนจาก 18 ประเทศ ซึ่งคนที่เข้าร่วม กิจกรรมสิงห์อาสาจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทย ผ่านการทำงานจิตอาสา เช่น การไปสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียน และชุมชนในถิ่นทุรกันดาร และเมื่อคน กลุ่มนี้กลับไปยังประเทศตนเองจะนำจิตอาสากลับไปพัฒนาบ้านเกิด และ สามารถประสานความร่วมมือกลับมายังสิงห์อาสา เพื่อนำความช่วยเหลือ จากประเทศไทยสู่ประเทศตัวเองได้อีกด้วย ตามแนวคิด “World Citizen” มองโลกทั้งใบเป็นโลกใบเดียวกันไม่แบ่งแยกพรมแดน
เครือข่ายนักศึกษาถือเป็นกำลังสำคัญในการนำ ความช่วยเหลือไปสู่พี่น้องผู้ประสบภัยในหลาก หลายเหตุการณ์ทั่วประเทศ สิงห์อาสาได้ปลูก จิตสำนึกให้กับเครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัย ต่างๆ ผ่านกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เพื่อให้ นักศึกษาเหล่านี้เป็นพลังนักศึกษาที่จะเปลี่ยน แปลงสังคม มุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้อื่นอย่าง เต็มที่ ปัจจุบันเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา มีสมาชิกจากนิสิตและนักศึกษาครอบคลุม ทั้งมหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย ราชภัฏ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถาบันอาชีวศึกษา รวมกว่า 190สถาบันทั่วประเทศ
เครือข่ายอาสาสมัครกู้ภัยเป็นกลุ่มจิตอาสาที่มี ความพร้อมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน ในทุกสถานการณ์ กระจายในทุกภูมิภาคทั่ว ประเทศ สิงห์อาสาจึงได้ขยายความร่วมมือไปยังกลุ่ม ดังกล่าวให้เข้าร่วมเป็นเครือข่าย สิงห์อาสา เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนในจังหวัด ที่ตนดูแลอยู่ รวมถึงประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงาน ภาครัฐที่ดูแลในพื้นที่ อาทิ หน่วยงานราชการภายใน จังหวัดต่างๆ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพ อากาศ สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ กรมบรรเทาและ ป้องกันสาธารณภัย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฯลฯ เพื่อให้สามารถลงพื้นที่ให้ความ ช่วยเหลือด้าน ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยในปัจจุบันมีอาสาสมัครกู้ภัยที่เข้าร่วมเป็นเครือ ข่ายสิงห์อาสาแล้วกว่า 62 หน่วยทั่วประเทศ
ในปี 2559 เครือข่ายสิงห์อาสาได้ขยายเครือ ข่ายสู่ นักศึกษานานาชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียนแลก เปลี่ยนที่เข้ามาศึกษาอยู่ในประเทศไทย โดยในแต่ ละปีจะมีจำนวนนักศึกษาจากหลายเชื้อชาติทั่วโลก เข้ามากว่า 3,000 คนต่อปี นอกจากนี้ยังมี จิตอาสาชาวต่างชาติที่เข้ามา ทำงานในประเทศไทย หรือกลุ่ม Expat อีกกว่า 400 คนจาก 18 ประเทศ ซึ่งคนที่เข้าร่วมกิจกรรมสิงห์อาสาจะได้เรียนรู้ วัฒนธรรมไทย ผ่านการทำงานจิตอาสา เช่นการไป สอนภาษา อังกฤษในโรงเรียน และชุมชนใน ถิ่นทุรกันดาร และเมื่อคนกลุ่มนี้กลับไปยังประเทศ ตนเองจะนำ จิตอาสากลับไปพัฒนาบ้านเกิด และสามารถประสานความร่วมมือ กลับมายัง สิงห์อาสา เพื่อนำความช่วยเหลือจากประเทศไทย สู่ประเทศตัวเองได้อีกด้วย ตามแนวคิด “World Citizen” มองโลกทั้งใบเป็นโลกใบเดียวกัน
ไม่แบ่งแยกพรมแดน
ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีของสิงห์อาสา มีการดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องกว่า 1,000 ภารกิจ ทั้งการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยประเภทต่างๆ อาทิ ภัยแล้ง ภัยหนาว อุทกภัย วาตภัย อย่างเร่งด่วน ตลอดจนการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ พัฒนาสังคม ทั้งด้านการศึกษา สุขภาพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนด้วยจุดมุ่งหมานในการบรรเทาทุกข์และมอบรอยยิ้มให้แก่ผู้คนในสังคม
หนึ่งในภารกิจตั้งต้นของเครือข่ายสิงห์อาสาที่ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจากมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี คือภารกิจการลงพื้นที่ของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และการบรรเทาภัยหนาวให้แก่ผู้คนใน ถิ่นทุรกันดาร ในปี พ.ศ.2530 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของมูลนิธินำโดย นายแพทย์อนันต์ สุวัฒนวิโรจน์ หมออาสาคนแรกของมูลนิธิได้เริ่มตระเวน ลงพื้นที่ให้การรักษาชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลพร้อมทั้งให้คำแนะนำด้านสุขภาพ มีทีมแพทย์แขนงต่างๆเข้าร่วมกับทีม หน่วยแพทย์ของมูลนิธิอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการสร้างประโยชน์ให้ชุมชนและประเทศชาติ ด้วยความสามารถและแรงกายโดยไม่ได้มุ่งเน้นแค่การรักษาแต่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพื่อให้ชาวบ้านสามารถป้องกันโรค ภัยต่างๆ ด้วยตัวเอง
หนึ่งในภารกิจตั้งต้นของเครือข่ายสิงห์อาสาที่ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจากมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี คือภารกิจการลงพื้นที่ของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และการบรรเทาภัยหนาวให้แก่ผู้คนใน ถิ่นทุรกันดาร ในปี พ.ศ.2530 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของมูลนิธินำโดย นายแพทย์อนันต์ สุวัฒนวิโรจน์ หมออาสาคนแรกของมูลนิธิได้เริ่มตระเวน ลงพื้นที่ให้การรักษาชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลพร้อมทั้งให้คำแนะนำด้านสุขภาพ มีทีมแพทย์แขนงต่างๆเข้าร่วมกับทีม หน่วยแพทย์ของมูลนิธิอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการสร้างประโยชน์ให้ชุมชนและประเทศชาติ ด้วยความสามารถและแรงกายโดยไม่ได้มุ่งเน้นแค่การรักษาแต่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพื่อให้ชาวบ้านสามารถป้องกันโรค ภัยต่างๆ ด้วยตัวเอง
นอกจากการช่วยเหลือผู้ประสบภัย สิงห์อาสายังให้ความสำคัญ กับการพัฒนาทักษะและเพิ่มขีดความสามารถในการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยทางน้ำเพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้น สิงห์อาสา ร่วมกับ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือกองเรือยุทธการ (SEAL) จัดอบรมหลักสูตร “กู้ภัยทางน้ำ” ซึ่งเป็นการอบรมประจำทุกปีให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยเพื่อเพิ่ม ทักษะความรู้ ความสามารถ ของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยทั่วประเทศ รวมถึงเตรียมพร้อม รับมือกับภัยพิบัติธรรมชาติและ อุบัติเหตุทางน้ำ
ปัญหานักเรียนและโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารขาดแคลนทุนทรัพย์และอาหารกลางวัน ถือเป็นหนึ่งในปัญหา สำคัญสู่การเติบโตของอนาคตของชาติ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และสิงห์อาสา ได้ลงพื้นที่มอบทุน อาหารกลางวัน เพื่อบรรเทาปัญหาระยะสั้นให้แก่เด็กๆ และโรงเรียน ขณะเดียวกัน ยังได้น้อมนำหลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาเป็นแนวทาง สร้างความ กินดี อยู่ดี ให้นักเรียนในแต่ละโรงเรียน ด้วยเงินตั้งต้น 30,000 บาทต่อโรงเรียน โดยในการดำเนิน กิจกรรม สิงห์อาสาได้ร่วมกับ เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา และปราชญ์ชาวบ้าน ในท้องถิ่นนั้นๆ เป็นทีมงานลงพื้นที่ ไปยังโรงเรียนในโครงการฯ เพื่อก่อสร้างโรงเลี้ยงไก่ไข่ ทำแปลงเกษตร สร้างโรงเพาะเห็ดและทำบ่อ เลี้ยงปลาดุก
ผลผลิตที่ได้จากโครงการนี้นักเรียนสามารถนำไปเลี้ยงชีพ เกิดการเรียนรู้ สามารถพึ่งพา ตนเองได้และพัฒนาไปสู่การนำผลผลิตที่เหลือไปวางจำหน่าย สร้างรายได้ให้ตนเองและ ครอบครัว โดยทางบริษัทฯได้ดำเนินการไปแล้วมากกว่า 100 โรงเรียนทั่วประเทศไทย จากความสำเร็จในการช่วยเหลือโรงเรียนอย่างยั่งยืน ทำให้โครงการ 100 โรงเรียนเกษตร พอเพียงได้รับรางวัล “Asia Responsible Entrepreneurship Awards” (AREA) สาขา การเสริมสร้างพลังทางสังคม (Social Empowerment) ครั้งที่ 7 ประจำปี 2017 จากองค์กรเอ็นเตอร์ไพรส์ เอเชีย (Enterprise Asia)
ไม่มีน้ำกินน้ำใช้ ไม่มีน้ำสำหรับการทำเกษตรกรรม ไม่มีรายได้ ทั้งหมดล้วนเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาทันทีเมื่อ
เกิดวิกฤตการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สิงห์อาสาจึงได้ดำเนินโครงการหลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ อาทิ การให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน ร่วมกับบริษัทในเครือบุญรอดฯ อาทิ โรงงานขอนแก่นบริวเวอรี่, โรงงานมหาสารคามเบเวเรซ และเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงพื้นที่แจกจ่ายน้ำดื่มให้แก่ผู้ได้รับความเดือดร้อน
การสร้างเครื่องมือบรรเทาปัญหาอย่างยั่งยืนร่วมสร้างท่อประปาลำเลียงน้ำจากภูเขาลงมายังหมู่บ้านในพื้นที่ อ.สังขละ จ.สุรินทร์ การติดตั้ง “ธนาคารน้ำสิงห์” เป็นแทงค์น้ำ ขนาด 200 ลิตร จำนวน 4 แทงค์ ให้แก่ชาวบ้าน ในพื้นที่หมู่บ้าน โคกแปะ และหมู่บ้านบูรพาพัฒนา ต.โคกสีทองหลาง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ได้ใช้อุปโภคบริโภคคืนรอยยิ้ม สู่ชาวบ้าน
เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เชียงราย เมื่อ 5 พ.ค.2557 นับเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรง
ที่สุดของไทย ด้วยขนาดถึง 6.3 ริกเตอร์ ความลึก 7 กิโลเมตร ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อค
อีกกว่า 2,000 ครั้ง ภัยพิบัติที่ไม่คาดฝันดังกล่าวสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนเกือบ 17,000 หลัง อาคารเรียน ศาสนสถาน ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่อ
การดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วทั้งจังหวัดเชียงราย สิงห์อาสาพร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา สิงห์อาชีวะอาสา จึงได้ร่วมกันลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งการแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยที่มีอุปกรณ์ต่างๆ ชำรุดเสียหาย ให้สามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
เหตุการณ์โค้ชและผู้ฝึกสอนทีมหมูป่าอะคาเดมี จำนวน 13 คน หายเข้าไปในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทุกภาคส่วนทั้งไทย และต่างประเทศ ร่วมแรงร่วมใจเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ระหว่างปฏิบัติการกู้ภัยตลอด 18 วัน เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาได้นำน้ำดื่มและอาหารเข้าไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ที่ ปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถนำทีมหมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวงอย่างปลอดภัยได้
ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขา จึงทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน คลิตี้ล่าง จ.กาญจนบุรี ไม่มีโอกาสเข้าถึงระบบน้ำประปาสะอาด ต้องใช้แหล่งน้ำปนเปื้อนสารพิษมานาน ในปี 2557 สิงห์อาสาและเครือข่ายนักศึกษามากกว่า 20 สถาบัน จึงได้ร่วมกันลงพื้นที่ สร้างระบบประปา ภูเขาเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านคลิตี้ล่าง มีโอกาสเข้าถึง น้ำประปาสะอาดเป็นครั้งแรก ในรอบ 19 ปีและไม่ต้องทนใช้น้ำจากแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนสารพิษอีกต่อไป
ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 มูลนิธิได้เริ่มต้นแจกผ้าห่มกันหนาวให้แก่ประชาชนที่ขัดสนในพื้นที่ ใกล้เคียงไร่บุญรอด จ.เชียงราย สิ่งที่พบคือผ้าห่มไม่สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ที่ผู้คนยังต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ประชาชนจะยังประสบภัยหนาวเหมือนเดิมด้วย แนวคิดที่ต้องการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่และยั่งยืน จึงได้ปรับเปลี่ยนจากผ้าห่ม มาสู่เสื้อกันหนาวที่ผลิตจากเส้นใยสั่งทอพิเศษ มีคอเสื้อแบบคอเต่าเพื่อให้สามารถใช้บรรเทา ภัยหนาวได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ดำเนินชีวิตได้สะดวกขึ้น
ปัจจุบันทั้งมูลนิธิและเครือข่ายสิงห์อาสาได้ลงพื้นที่มอบความอบอุ่นด้วยเสื้อกันหนาว ให้แก่ผู้ประสบภัยหนาว ขยายการดูแลไปยังพื้นที่ต่างๆควบคู่กับการมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ขยายความร่วมมือไปยังเครือข่ายคณะแพทยศาสตร์ของสถาบันต่างๆ ร่วมลงพื้นที่ตรวจ สุขภาพและรักษาพยาบาล ชาวบ้านที่เจ็บป่วยแต่ขาดโอกาสการเข้าถึงการรักษาจำนวนมาก รวมระยะเวลาต่อเนื่องนานกว่า 33 ปี จนนายแพทย์อนันต์และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ได้รับคำเรียกติดปากจากชาวบ้านว่า “หมอบุญรอด”
โดยในบางเหตุการณ์ได้มีการให้ความช่วยเหลือทั้งผู้ประสบภัยควบคู่ไปกับการ ช่วยเหลือเกษตรกร เช่น เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมต่อเนื่องหลายวันที่ ภาคใต้ คุณต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี ได้ริเริ่มโครงการข้าวชาวนาช่วยชาวใต้ รับซื้อข้าวจากเกษตรกรในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อช่วยสร้าง รายได้ให้แก่ชาวนาที่ปลูกข้าว ขณะเดียวกันก็นำข้าวไปช่วยผู้ประสบอุทกภัย ในภาคใต้
นอกจากนี้ยังมีการดำเนินการเชิงฟื้นฟู เข้าไปช่วยทำความสะอาดสถานที่ที่ได้รับ ผลกระทบจากอุทกภัยให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิต อย่างปกติได้โดยเร็ว การดำเนินการเชิงป้องกันจัดโครงการสิงห์อาสาสู้น้ำท่วม ในทุกปี โดยนำเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและชาวบ้าน ในพื้นที่ลงพื้นที่กำจัดผักตบชวาและขยะตามคูคลองต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้ กีดขวางทางน้ำไหลอันเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของน้ำท่วมป้องกันภัยจากต้นเหตุ และนำผักตบชวาไปผลิตเป็นสินค้าจักสานสร้างรายได้คืนสู่ชุมชน เช่น การนำ เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาจาก 6 สถาบันการศึกษาภาคกลางลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แข่งขันกับทีมชุมชนในการกำจัดผักตบชวาในคลอง พระยาบันลือไม่ให้กีดขวางทางน้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และนำผักตบชวา ดังกล่าวมาแปรรูปเป็น ผลิตภัณฑ์ กระเป๋า เฟอร์นิเจอร์ และโคมไฟ
นอกจากการช่วยเหลือผู้ประสบภัย สิงห์อาสายังให้ความสำคัญ กับการพัฒนาทักษะและเพิ่มขีดความสามารถในการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยทางน้ำเพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้น สิงห์อาสา ร่วมกับ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือกองเรือยุทธการ (SEAL) จัดอบรมหลักสูตร “กู้ภัยทางน้ำ” ซึ่งเป็นการอบรมประจำทุกปีให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยเพื่อเพิ่ม ทักษะความรู้ ความสามารถ ของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยทั่วประเทศ รวมถึงเตรียมพร้อม รับมือกับภัยพิบัติธรรมชาติและ อุบัติเหตุทางน้ำ
ปัญหานักเรียนและโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารขาดแคลนทุนทรัพย์และอาหารกลางวัน ถือเป็นหนึ่งในปัญหา สำคัญสู่การเติบโตของอนาคตของชาติ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และสิงห์อาสา ได้ลงพื้นที่มอบทุน อาหารกลางวัน เพื่อบรรเทาปัญหาระยะสั้นให้แก่เด็กๆ และโรงเรียน ขณะเดียวกัน ยังได้น้อมนำหลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาเป็นแนวทาง สร้างความ กินดี อยู่ดี ให้นักเรียนในแต่ละโรงเรียน ด้วยเงินตั้งต้น 30,000 บาทต่อโรงเรียน โดยในการดำเนิน กิจกรรม สิงห์อาสาได้ร่วมกับ เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา และปราชญ์ชาวบ้าน ในท้องถิ่นนั้นๆ เป็นทีมงานลงพื้นที่ ไปยังโรงเรียนในโครงการฯ เพื่อก่อสร้างโรงเลี้ยงไก่ไข่ ทำแปลงเกษตร สร้างโรงเพาะเห็ดและทำบ่อ เลี้ยงปลาดุก
ผลผลิตที่ได้จากโครงการนี้นักเรียนสามารถนำไปเลี้ยงชีพ เกิดการเรียนรู้ สามารถพึ่งพา ตนเองได้และพัฒนาไปสู่การนำผลผลิตที่เหลือไปวางจำหน่าย สร้างรายได้ให้ตนเองและ ครอบครัว โดยทางบริษัทฯได้ดำเนินการไปแล้วมากกว่า 100 โรงเรียนทั่วประเทศไทย จากความสำเร็จในการช่วยเหลือโรงเรียนอย่างยั่งยืน ทำให้โครงการ 100 โรงเรียนเกษตร พอเพียงได้รับรางวัล “Asia Responsible Entrepreneurship Awards” (AREA) สาขา การเสริมสร้างพลังทางสังคม (Social Empowerment) ครั้งที่ 7 ประจำปี 2017 จากองค์กรเอ็นเตอร์ไพรส์ เอเชีย (Enterprise Asia)
การสร้างเครื่องมือบรรเทาปัญหาอย่างยั่งยืนร่วมสร้างท่อประปาลำเลียงน้ำจากภูเขาลงมายังหมู่บ้านในพื้นที่ อ.สังขละ จ.สุรินทร์ การติดตั้ง “ธนาคารน้ำสิงห์” เป็นแทงค์น้ำ ขนาด 200 ลิตร จำนวน 4 แทงค์ ให้แก่ชาวบ้าน ในพื้นที่หมู่บ้าน โคกแปะ และหมู่บ้านบูรพาพัฒนา ต.โคกสีทองหลาง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ได้ใช้อุปโภคบริโภคคืนรอยยิ้ม สู่ชาวบ้าน
เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เชียงราย เมื่อ 5 พ.ค.2557 นับเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรง
ที่สุดของไทย ด้วยขนาดถึง 6.3 ริกเตอร์ ความลึก 7 กิโลเมตร ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อค
อีกกว่า 2,000 ครั้ง ภัยพิบัติที่ไม่คาดฝันดังกล่าวสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนเกือบ 17,000 หลัง อาคารเรียน ศาสนสถาน ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่อ
การดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วทั้งจังหวัดเชียงราย สิงห์อาสาพร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา สิงห์อาชีวะอาสา จึงได้ร่วมกันลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งการแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยที่มีอุปกรณ์ต่างๆ ชำรุดเสียหาย ให้สามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
เหตุการณ์โค้ชและผู้ฝึกสอนทีมหมูป่าอะคาเดมี จำนวน 13 คน หายเข้าไปในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทุกภาคส่วนทั้งไทย และต่างประเทศ ร่วมแรงร่วมใจเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ระหว่างปฏิบัติการกู้ภัยตลอด 18 วัน เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาได้นำน้ำดื่มและอาหารเข้าไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ที่ ปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถนำทีมหมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวงอย่างปลอดภัยได้
ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขา จึงทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน คลิตี้ล่าง จ.กาญจนบุรี ไม่มีโอกาสเข้าถึงระบบน้ำประปาสะอาด ต้องใช้แหล่งน้ำปนเปื้อนสารพิษมานาน ในปี 2557 สิงห์อาสาและเครือข่ายนักศึกษามากกว่า 20 สถาบัน จึงได้ร่วมกันลงพื้นที่ สร้างระบบประปา ภูเขาเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านคลิตี้ล่าง มีโอกาสเข้าถึง น้ำประปาสะอาดเป็นครั้งแรก ในรอบ 19 ปีและไม่ต้องทนใช้น้ำจากแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนสารพิษอีกต่อไป
ในหลายๆครั้งที่เกิดเหตุภัยหนาวและส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในถิ่นทุรกันดาลในประเทศ เพื่อนบ้าน อาทิ จีน ลาว เมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา นักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนในประเทศไทยและ เข้าร่วมเป็นเครือข่ายสิงห์อาสานานาชาติ จะเป็นแกนนำในการนำความช่วยเหลือผ่านเครือข่ายสิงห์อาสา เพื่อนำความช่วยเหลือกลับไปในประเทศของตนเอง โดยสิงห์อาสาจะร่วมกับเครือข่ายสิงห์อาสานานาชาติ เดินทางข้ามประเทศไปมอบเสื้อกันหนาวครั้งละหลายพันตัวเพื่อคืนความอบอุ่นให้แก่ผู้ประสบภัย
ในหลายๆครั้งที่เกิดเหตุภัยหนาวและส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในถิ่นทุรกันดาลในประเทศ เพื่อนบ้าน อาทิ จีน ลาว เมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา นักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนในประเทศไทยและ เข้าร่วมเป็นเครือข่ายสิงห์อาสานานาชาติ จะเป็นแกนนำในการนำความช่วยเหลือผ่านเครือข่ายสิงห์อาสา เพื่อนำความช่วยเหลือกลับไปในประเทศของตนเอง โดยสิงห์อาสาจะร่วมกับเครือข่ายสิงห์อาสานานาชาติ เดินทางข้ามประเทศไปมอบเสื้อกันหนาวครั้งละหลายพันตัวเพื่อคืนความอบอุ่นให้แก่ผู้ประสบภัย
เมื่อกลางปี 2561 เหตุการณ์เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยที่แขวงอัตตะปือ ประเทศลาวแตก เป็นเหตุการณ์วิกฤติที่สุดในรอบ 5 ปีของประเทศลาว ส่งผลกระทบต่อพี่น้องชาวลาวกว่า 6,000 คน ระดับน้ำที่ท่วมสูงถึงหลังคาส่งผลให้ชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงเขื่อนต้องหนีขึ้นที่สูง เป็นเหตุให้ประสบ ปัญหาขาดแคลนน้ำและอาหาร สิงห์อาสาเครือข่ายสิงห์อาสานานาชาติและตัวแทนจำหน่ายในจังหวัด อุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษจึงลงพื้นที่เพื่อนำน้ำดื่ม ข้าวสาร เสื้อชูชีพและกระเป๋ากันน้ำ ไปมอบให้
ผู้ประสบภัยผ่านจุดรับบริจาคต่างๆ อาทิ ศูนย์จิตอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัย แขวงอัตตะปือ, ทีมกู้ภัยฮุก 31 ด่านช่องเม็ก, แผนกแถลงข่าววัฒนธรรมและการท่องเที่ยว แขวงจำปาสัก เพื่อนำไปช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยชาวลาวต่อไป
จำนวนผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทวีคูณนับตั้งแต่ต้นปี 2563 นำมาสู่ปัญหาขาดแคลน อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อการดูแลรักษาผู้ป่วย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จึงมอบเงิน 50 ล้านบาท แก่โรงพยาบาลของรัฐที่เป็นด่านหน้าในการดูแล
ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 26 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการทำงานของโรงพยาบาลต่างๆ ที่รับหน้าที่ในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากการติดเชื้อ โควิด-19 ได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านของการรักษาผู้ป่วยและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งเงินจำนวนนี้ จะถูกนำไปช่วยเหลือทั้งในด้านของการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ของบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต่อการรักษาชีวิตผู้ป่วย เช่น เครื่องช่วยหายใจ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อื่นๆที่จำเป็น
การแพร่ระบาดไปทั่วโลกของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 มันเป็นมหันตภัยด้านเชื้อโรคครั้ง ร้ายแรงที่เกิดขึ้น “ประเทศไทย” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการ แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงมาตั้งแต่เดือน มกราคม 2563 สร้างความเดือดร้อน ความยากลำบาก และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ในหลากหลายมิติ
สิงห์อาสา มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี ตลอดจน บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในฐานะองค์กร ที่มีเจตนารมณ์และปณิธานอันแน่วแน่ ในการช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่องเสมอมา จึงได้ปฎิบัติหลากหลายภารกิจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผูคน เพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปได้
จำนวนผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทวีคูณนับตั้งแต่ต้นปี 2563 นำมาสู่ปัญหาขาดแคลน อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อการดูแลรักษาผู้ป่วย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จึงมอบเงิน 50 ล้านบาท แก่โรงพยาบาลของรัฐที่เป็นด่านหน้าในการดูแล
ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 26 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการทำงานของโรงพยาบาลต่างๆ ที่รับหน้าที่ในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากการติดเชื้อ โควิด-19 ได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านของการรักษาผู้ป่วยและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งเงินจำนวนนี้ จะถูกนำไปช่วยเหลือทั้งในด้านของการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ของบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต่อการรักษาชีวิตผู้ป่วย เช่น เครื่องช่วยหายใจ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อื่นๆที่จำเป็น
เมื่อบุคลากรทางการแพทย์มีภารกิจล้นมือจนแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเอง สิงห์อาสาจึงเข้ามาเป็นฟันเฟือง ในการดูแลคุณภาพชีวิตของนักรบเสื้อกาวน์ ด้วยการนำ “อาหารพร้อมรับประทานจากร้านอาหารในเครือ ข้าวรีทอร์ท อาหารแช่แข็งพร้อมตู้แช่และน้ำดื่ม” ไปมอบให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ เพื่อเป็นการดูแลอำนวยความ สะดวกให้บุคลากรการแพทย์ทุกคนที่ปฏิบัติงานได้อิ่มท้องในแต่ละมื้อทุกวัน อีกทั้งยังนำอาหารและน้ำดื่มเข้าไป เติมให้เต็มตู้อย่างต่อเนื่องเป็นการดูแลอำนวยความสะดวกให้บุคลากรการแพทย์ทุกคนที่ปฏิบัติงาน
สภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้คนจำนวนมาก กลายเป็นคนตกงาน บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จึงได้มีนโยบายเร่งด่วนในการบรรเทา ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะปัญหาปากท้องให้ผู้ตกงานผ่านโครงการ สิงห์อาสาทั่วประเทศ เพื่อสร้างรายได้ผ่านการทำงานจิตอาสาดูแลท้องถิ่นของตน โดยจะมีการจ้างงานผ่าน 3 โครงการเร่งด่วน คือ โครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่า ครอบคลุม 10
จังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออก, โครงการสิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง ครอบคลุม 20 จังหวัดภาคอีสาน และโครงการสิงห์อาสาป้องกันน้ำท่วม ครอบคลุม 7 จังหวัดภาคกลาง
ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเบี้ยเลี้ยงและสวัสดิการอาหารบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วน ขณะเดียวกันยังเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาปัญหาภัยพิบัติในพื้นที่ของตนเองอีกด้วย
นอกจากโครงการจ้างงานสร้างรายได้ สิงห์อาสายังจัดโครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งเป็นโครงการการที่บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้ใช้ศักยภาพของบริษัท ในเครือทั้งหมดร่วมกับเครือข่ายของสิงห์อาสา ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ อาทิ มหาวิทยาลัย, สถาบันอาชีวศึกษา, ศูนย์ภูมิปัญญาชาวบ้าน นำองค์ความรู้ ที่เป็นประโยชน์ ในการสร้างอาชีพ เปิดคอร์สอบรมฟรีให้กับผู้ที่สนใจ เพื่อนำทักษะความรู้ที่ได้ไปต่อยอด สร้างอาชีพเลี้ยงดูครอบครัวโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มทักษะอาชีพ ได้แก่ การอบรมทักษะวิชาชีพทางด้านอาหารสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก การอบรมทักษะวิชาชีพ ทางด้านงานช่าง การอบรมทักษะวิชาชีพทางด้านการเกษตร เพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบด้านอาชีพมีองค์ความรู้ใหม่ๆ สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้อย่างยั่งยืน
Have an inquiry or feedback for us?
Fill out the form below to contact our team.
© 2016 SINGHA R-SA All rights Reserved. | Privacy Policy
Keep updating on volunteer
opportunity
with us.
999 Thanon Samsen,
Thanon Nakhon Chai Si, Dusit District, Bangkok 10300, Thailand
© 2016 SINGHA R-SA All rights
Reserved.
| Privacy Policy